วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ความผิดและไวรัส เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


วิธีการที่ใช้ในการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์

โดยทั่วไปแล้ว วิธีการที่ใช้ในการประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์จะมีดังต่อไปนี้

           1. Data Diddling คือ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนหรือระหว่างที่กำลังบันทึกข้อมูลลงไปในระบบคอมพิวเตอร์ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวนี้สามารถกระทำโดยบุคคลใดก็ได้ที่สามารถเข้าไปถึงตัวข้อมูล ตัวอย่างเช่น พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่บันทึกเวลาการทำงานของพนักงานทั้งหมด ทำการแก้ไขตัวเลขชั่วโมงการทำงานของคนอื่นมาลงเป็นชั่วโมงการทำงานของตนเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวหากถูกแก้ไขเพียงเล็กน้อย พนักงานแต่ละคนแทบจะไม่สงสัยเลย
          2. Trojan Horse การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แฝงไว้ในโปรแกรมที่มีประโยชน์ เมื่อถึงเวลาโปรแกรมที่ไม่ดีจะปรากฎตัวขึ้นเพื่อปฏิบัติการทำลายข้อมูล วิธีนี้มักจะใช้กับการฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์หรือการทำลายข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์
           3. Salami Techniques วิธีการปัดเศษจำนวนเงิน เช่น ทศนิยมตัวที่ 3 หรือปัดเศษทิ้งให้เหลือแต่จำนวนเงินที่สามารถจ่ายได้ แล้วนำเศษทศนิยมหรือเศษที่ปัดทิ้งมาใส่ในบัญชีของตนเองหรือของผู้อื่นซึ่งจะทำให้ผลรวมของบัญชียังคงสมดุลย์ (Balance) และจะไม่มีปัญหากับระบบควบคุมเนื่องจากไม่มีการนำเงินออกจากระบบบัญชี นอกจากใช้กับการปัดเศษเงินแล้ววิธีนี้อาจใช้กับระบบการตรวจนับของในคลังสินค้า
             4. Superzapping มาจากคำว่า "Superzap" เป็นโปรแกรม "Marcro utility" ที่ใช้ในศูนย์คอมพิวเตอร์ของบริษัท IBM เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของระบบ (System Tool) ทำให้สามารถเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ได้ในกรณีฉุกเฉิน เสมือนกุญแจผี (Master Key) ที่จะนำมาใช้เมื่อกุญแจดอกอื่นหายมีปัญหา โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utlity Program) อย่างเช่นโปรแกรม Superzap จะมีความเสี่ยงมากหากตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่หวังดี

             5. Trap Doors เป็นการเขียนโปรแกรมที่เลียนแบบคล้ายหน้าจอปกติของระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อลวงผู้ที่มาใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้ทราบถึงรหัสประจำตัว (ID Number) หรือรหัสผ่าน (Password) โดยโปรแกรมนี้จะเก็บข้อมูลที่ต้องการไว้ในไฟล์ลับ
              6. Logic Bombs เป็นการเขียนโปรแกรมคำสั่งอย่างมีเงื่อนไขไว้ โดยโปรแกรมจะเริ่มทำงานต่อเมื่อมีสภาวะหรือสภาพการณ์ตามที่ผู้สร้างโปรแกรมกำหนด สามารถใช้ติดตามดูความเคลื่อนไหวของระบบบัญชี ระบบเงินเดือนแล้วทำการเปลี่ยนแปลงตัวเลขดังกล่าว
              7. Asynchronous Attack เนื่องจากการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์เป็นการทำงานแบบ Asynchronous คือสามารถทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน โดยการประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นจะเสร็จไม่พร้อมกัน ผู้ใช้งานจะทราบว่างานที่ประมวลผลเสร็จหรือไม่ก็ต่อเมื่อเรียกงานนั้นมาดู ระบบดังกล่าวก่อให้เกิดจุดอ่อน ผู้กระทำความผิดจะฉวยโอกาสในระหว่างที่เครื่องกำลังทำงานเข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือกระทำการอื่นใดโดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น
                   8. Scavenging คือ วิธีการที่จะได้ข้อมูลที่ทิ้งไว้ในระบบคอมพิวเตอร์หรือบริเวณใกล้เคียง หลังจากเสร็จการใช้งานแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ค้นหาตามถังขยะที่อาจมีข้อมูลสำคัญไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์หรือรหัสผ่านหลงเหลืออยู่ หรืออาจใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนทำการหาข้อมูลที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อผู้ใช้เลิกใช้งานแล้ว
                     9. Data Leakage หมายถึงการทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป อาจโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เช่นการแผ่รังสีของคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าในขณะที่กำลังทำงาน คนร้ายอาจตั้งเครื่องดักสัญญาณไว้ใกล้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อรับข้อมูลตามที่ตนเองต้องการ
                      10. Piggybacking วิธีการดังกล่าวสามารถทำได้ทั้งทางกายภาพ (physical) การที่คนร้ายจะลักลอบเข้าไปในประตูที่มีระบบรักษาความปลอดภัย คนร้ายจะรอให้บุคคลที่มีอำนาจหรือได้รับอนุญาตมาใช้ประตูดังกล่าว เมื่อประตูเปิดและบุคคลคนนั้นได้เข้าไปแล้ว คนร้ายก็ฉวยโอกาสตอนที่ประตูยังไม่ปิดสนิทแอบเข้าไปได้ ในทางอิเล็กทรอนิกส์ก็เช่นกัน อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ใช้สายสื่อสารเดียวกันกับผู้ที่มีอำนาจใช้หรือได้รับอนุญาต เช่นใช้สายเคเบิลหรือโมเด็มเดียวกัน
                      11. Impersonation คือ การที่คนร้ายแกล้งปลอมเป็นบุคคลอื่นที่มีอำนาจหรือได้รับอนุญาต เช่น เมื่อคนร้ายขโมยบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อได้ ก็จะโทรศัพท์และแกล้งทำเป็นเจ้าพนักงานของธนาคารและแจ้งให้เหยื่อทราบว่ากำลังหาวิธีป้องกันมิให้เงินในบัญชีของเหยื่อ    จึงบอกให้เหยื่อเปลี่ยนรหัสประจำตัว (Personal Identification Number: PIN) โดยให้เหยื่อบอกรหัสเดิมก่อน คนร้ายจึงทราบหมายเลขรหัส และได้เงินของเหยื่อไป
                      12. Wiretapping เป็นการลักลอบดักฟังสัญญาณการสื่อสารโดยเจตนาที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสาร หรือที่เรียกว่าโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ โดยการกระทำความผิดดังกล่าวกำลังเป็นที่หวาดวิตกกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างมาก

                      13. Simulation and Modeling ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผน การควบคุมและติดตามความเคลื่อนไหวในการประกอบอาชญากรรม และกระบวนการดังกล่าวก็สามารถใช้โดยอาชญากรในการสร้างแบบจำลองในการวางแผนเพื่อประกอบอาชญากรรมได้เช่นกัน เช่นในกิจการประกันภัย มีการสร้างแบบจำลองในการปฏิบัติการหรือช่วยในการตัดสินใจในการทำกรมธรรม์ประกัน ภัย โปรแกรมสามารถทำกรมธรรม์ประกันภัยปลอมขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทประกันภัยล้มละลายเมื่อถูกเรียกร้องให้ต้องจ่ายเงินให้กับกรมธรรม์ที่ขาดต่ออายุ หรือกรมธรรม์ที่มีการจ่ายเงินเพียงการบันทึก(จำลอง)แต่ไม่ได้รับเบี้ยประกันจริง หรือต้องจ่ายเงินให้กับกรมธรรม์ที่เชื่อว่ายังไม่ขาดอายุความ

การเจาะระบบ (Hacking)
การเจาะระบบ (Hacking) หมายถึงการเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต (Unauthorized Access) และเมื่อเข้าไปแล้วก็ทำการสำรวจ ทิ้งข้อความ เปิดโปรแกรม ลบ แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือขโมยข้อมูล

การถูกลักลอบเจาะระบบอาจส่งผลให้ความลับทางการค้า ข้อมูลที่สำคัญหรือแม้แต่เงินของหน่วยงานต้องถูกขโมยไป การกระทำดังกล่าวอาจทำจากคู่แข่งทางการค้า อาชญากรหรือผู้ที่ไม่หวังดี และอาจจะทำจากในหน่วยงานเองหรือจากส่วนอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป หรือจากนอกประเทศโดยใช้เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะหรือโทรศัพท์

นักเจาะระบบอาจได้รหัสการเข้าสู่เครือข่ายโดยการดักข้อมูลทางสายโทรศัพท์ หรือใช้เครื่องมือสื่อสารนำไปติดกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือใช้เครื่องจับการแผ่รังสีจากการส่งผ่านข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันการส่งข้อมูล (Unshielded Data Transmission) เพื่อจะได้มาซึ่งรหัสผ่าน (Password)

ไวรัสคอมพิวเตอร์
ความหมาย ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมที่มีความสามารถในการแก้ไขดัดแปลงโปรแกรมอื่น เพื่อที่จะทำให้โปรแกรมนั้นๆ สามารถเป็นที่อยู่ของมันได้และสามารถทำให้มันทำงานได้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อมีการเรียกใช้โปรแกรมที่ติดเชื้อไวรัสนั้น

ประวัติไวรัสคอมพิวเตอร์ เดิมความคิดในเรื่องของไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเพียงเรื่องในนวนิยาย และต่อมาในปี ค.ศ.1983 เมื่อนาย Fred Cohen นักศึกษาปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ที่มหาวิทยาลัยเซาท์เทอร์นแคลิฟอร์เนีย ได้คิดค้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถทำลายล้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยกัน เปรียบเสมือนเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเข้าสู่ตัวคน และเรียกโปรแกรมดังกล่าวว่า Computer Virus และชื่อนี้ก็ได้ใช้เรียกโปรแกรมชนิดนี้นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ตัวอย่างไวรัสคอมพิวเตอร์ มีไวรัสคอมพิวเตอร์หลายชนิดที่มนุษย์สามารถคิดค้นได้ อาทิเช่น Worm, Trojan Horse, Logic Bomb, Chameleons, Pakistani, Macintosh, Scores, Peace, Lehigh, Keypress, Dark Avenger, Stoned, Michealangello หรือแม้แต่ไวรัสที่ใช้ชื่อไทยเช่น ลาวดวงเดือน เป็นต้น


หลักจริยธรรมและโปรแกรม Software
                การละเมิดสิทธิ์  หมายถึง  การได้มาซึ่งการถือสิทธิ์และใช้คัดลอก ทำซ้ำ เป็นการผิดกฎหมาย software

                ตัวอย่างของการละเมิดสิทธ์
1.  การ Copying software จากห้องทดลองหรือจากเพื่อน
2.  การซื้อ software  ที่ copies มาจากตัวแทนจำหน่ายหรือจากผู้อื่น
3.  ซื้อ software  ชุดและติดตั้งกับคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่บ้าน

                การปลอมแปลง  หมายถึง   การ copying  CD-ROMs or DVD-ROMs จำนวนมากเป็นสิ่งที่ผิด  การไม่ได้รับอนุญาตให้  copying  software ถือเป็นโจร

หลักจริยธรรมและข้อมูล
                ข้อมูลหนึ่งใน  computer   อาจจะมีหลายทางที่เราจะใช้มัน  ซึ่งในการใช้ข้อมูลนั้นทางหลักจริยธรรม  ควรไตร่ตรองในเรื่องดังต่อไปนี้
        1.  จริยธรรม การใช้ computer ในการเปลี่ยนแปลง  แก้ไขรูปถ่าย?
        2.  จริยธรรม”  ในการลบ e-mail messages  อาจจะถูกฟ้องร้องคดี?
        3.  จริยธรรม ที่ใช้ข้อมูลบางอย่างสำหรับจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งของคุณ?
การคัดลอก Software
           การซื้อ  Software การค้าจะมีสิทธิ์ใช้ได้แค่คนเดียวสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง  เนื่องจาก Software  จะมี license  ห้ามใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการกระจาย Software  นั้น

License
                                Software ที่จะติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องหรือหลายเครื่องได้นั้น  จะต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่  license ได้กำหนดไว้   ซึ่งจะต้องจัดเก็บหลักฐานของการใช้กับ userหลายคนไว้  ตัวเลขของ user จะไม่สามารถมีเกินกว่าตัวเลขที่ใน  licenses ได้กำหนดไว้  อย่างไรก็ดี
ลูกค้าคัดลอกและแจกจ่าย software โดยใช้  manuals ไปยัง users  คนอื่นได้   บางองค์กรอาจจะใช้ network licenses  สำหรับการติดตั้ง Software บนเครื่อง server  การจ่ายค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับ  License ที่กำหนดจำนวนตัวเลขของ user  ที่สามารถเข้าใช้งานระบบได้

 แหล่งข้อมูลจาก :
โครงการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล
ผู้อำนวนการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น